เมนูนำทาง
ฟรานซิส เบคอน (ศิลปิน) ผลงานศิลปะThree study for a figure at base of a crucifixion เป็นภาพที่แบ่งเป็น3ภาพซึ่งถูกวาดในปี 1944 ผลงานชิ้นนี้อยู่ภายใต้พื้นฐานของEumenides หรือ Furies ของAeschylus' The Oresteia และเป็นการวาดภาพพรรณนาการเขียนแบบมานุษยรูปนิยม 3 รูปเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดและมีพื้นหลังราบเรียบสีส้ม ผลงานชิ้นนี้วาดงานด้วยสีน้ำมันและดินสอสีบนกระดานSundeala อีกทั้งภาพนี้วาดเสร็จภายในสองอาทิตย์ ภาพ 3ภาพนี้ เป็นการสรุปรวบยอดการดำเนินงานการวาดภาพของเบคอนในก่อนหน้านี้รวมถึงการทดสอบงานศิลปะของปิกัสโซ การตีความในเรื่องการตรึงกางเขน(The Crucifixion) และthe Greek Furies ที่เป็น 3รูปนี้นั้นหมายถึง เทพเจ้า 3องค์ของการแก้แค้นในตำนานกรีก นั่นก็คือ [Alecto], [Megaera] and[Tisiphone] เบคอนไม่ได้เข้าใจหรือตระหนักถึงความตั้งใจเดิมที่วาดภาดภาพการตรึงกางเขนขนาดใหญ่และตำแหน่งของรูปภาพตรงกากบาท ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานแรกที่แสดงพัฒนาการของเขา Three study for a figure at base of a crucifixionถูกจัดแสดงขึ้นในปี1945 ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เป็นศิลปินPost-warแนวหน้า นักวิจารณ์John Russell ได้แสดงข้อคิดเห็นทางศิลปะที่สำคัญของThree study ในปี1971 ไว้ด้วย Three study for a figure at base of a crucifixion ปัจจุบันอยู่ที่the Tate Gallery ในลอนดอน the Crucifixionเป็นการสื่อว่ามีแนวโน้มที่เบคอนจะต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ร้ายกาจที่สุดของการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งผลงานทั้งหมดนั้นเบคอนได้รับอิทธิพลมาจากปิกัสโซ เบคอนถูกปลุกใจให้วาดภาพthe Crucifixion โดยเพื่อนของเขาคือEric Hall ในปี1937 รวมถึงภาพทั้งสามภาพของเบคอนในงานแสดงที่Agnew’s of works โดยหัวหน้าศิลปินหนุ่มชาวอังกฤษกับGraham Sutherland ขณะที่ในปี1933 เบคอนได้รับความสนใจมากขึ้นกว่าเดิม ในปี1944 Tate triptych รูปร่างมนุษย์ที่ถูกแบ่งเป็น 3ส่วน ได้กลายมาเป็นความเครียดหนักตึง และthe Crucifixion ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเบคอน หลังจากนั้น 30ปีถัดมา เบคอนไม่ยอมรับในเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจก่อนหน้านี้ เขาได้อธิบายว่าเขาถูกทำให้ลุ่มหลงโดยบางคนที่อยู่ในระดับที่สูงกว่า[28]
Painting 1946 เป็นชิ้นงานใหญ่ชิ้นหนึ่งที่เข้ามาเป็นผลงานชิ้นเอกซึ่งเป็นที่จดจำชิ้นหนึ่งของฟรานซิส เบคอน โดยมีเนื้อเป็นองค์ประกอบหลักของภาพที่จะกลายมาเป็นธีมหลักสำคัญตลอดช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในอาชีพของเขา ถึงแม้ว่าภาพคนของเขาจะปรากฎเนื้อที่แล่แล้วเหมือนกับพร้อมที่จะแขวนขายตามที่ขายเนื้อ เบคอนพยายามที่จะวาดนกที่กำลังบินลงสู่ผืนนา เขาอธิบายถึงงานชิ้นนี้ราวกับคนที่ขาดสติ กล่าวได้ว่าเป็นรูปแบบการวาดที่ขาดความตั้งใจของเขา ในบทสัมภาษณ์ของเดวิด ซิลเวสเตอร์ ในปี1962 เบคอนได้ให้คำสัมภาษณ์ว่า
เบคอน : ในบรรดารูปทั้งหมดที่ฉันได้วาดในปี1946 ซึ่งมันอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของศิลปะสมัยใหม่
เดวิด : รูปคนขายเนื้อ
เบคอน : ใช่ มันกลับมาหาฉันเหมือนกับเรื่องบังเอิญ ฉันพยายามที่จะสร้างนกที่กำลังบินลงบนทุ่งหญ้า และมันอาจจะเคยบินโลดแล่นในบางที่ก่อนหน้านี้ แต่ลายเส้นที่ฉันได้วาดนั้นมันทำให้นึกถึงอะไรบางอย่างที่แตกต่างและออกจากข้อชวนคิดที่เกิดขึ้นในภาพนี้ ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะวาดภาพนี้ ฉันไม่เคยคิดถึงมัน มันเหมือนกับเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องที่นำไปสู่จุดสูงสุดของภาพอื่นๆ
ปีก่อนหน้านี้ Poussin's Adoration of the Golden Calf ถูกจัดขึ้นในNational Gallery collection และแน่นอนว่าภาพของเบคอนนี้นั้นอยู่ในจิตใจในส่วนที่เกี่ยวกับพวงมาลัย ลูกวัว(การฆ่าสัตว์) การตั้งค่ายที่พักของพวกชาวยิวหรืออิสราเอลซึ่งได้เปลี่ยนเป็นร่ม Graham Sutherlandเห็นภาพวาดpainting 1946 ในCromwell Place studio และกระตุ้นพ่อค้านั่นคือErica Brausen หลังจากนั้นเขาได้ไปที่Redfern gallery เพื่อไปซื้อผลงานชิ้นนั้น เบราเซนได้เขียนจดหมายติดต่อเบคอนอยู่หลายครั้งและไปเยี่ยมเขาที่สตูดิโอในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง ปี1946 หลังจากนั้นก็ได้ทำการซื้อผลงานของเบคอนอย่างทันทีในราคา 200ปอนด์(ผลงานชิ้นนี้ได้ถูกนำไปแสดงในหลายๆกลุ่ม รวมถึงกลุ่มของชาวอังกฤษ Exposition internationale d'arte moderne คือในวันที่ 18 พฤศจิกายน–28 ธันวาคม 1946 จัดขึ้นที่Musée National d'Art Moderne ซึ่งเป็นช่วงที่เบคอนไปเที่ยวที่ปารีส)
ในคืนนั้นที่ขายงานpainting 1946 ที่Hanover gallery เบคอนได้ออกจากลอนดอนไปMonte Carlo หลังจากนั้นก็ได้อาศัยอยู่ที่นั่นอย่างต่อเนื่องทั้งโรงพยาบาลและแฟลตรวมถึงHôtel de Ré อีกทั้งเบคอนได้มาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านใหญ่La Frontalière ซึ่งอยู่บนเขาไกลจากตัวเมือง Eric Hall และNanny Lightfoot ได้เข้ามาอาศัยด้วย เบคอนได้ใช้ช่วงเวลายาวนานในที่นี่และได้ติดต่อกับGraham Sutherland และ Erica Brausen จดหมายของเขาได้แสดงว่าเขายังคงวาดรูปอยู่ที่Monte Carlo แต่ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าผลงานพวกนั้นอยู่ที่ไหน
ในปี1948 ผลงานpainting 1946 ของเขาได้ถูกขายให้กับAlfred Barr เพื่อไว้แสดงที่พิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ในนิวยอร์ก เบคอนได้เขียนจดหมายไปยังSutherland ถามเกี่ยวกับการซ่อมแซมโดยนำสีที่มาแปะติดภาพก่อนที่จะถูกนำไปที่นิวยอร์ก ปัจจุบันผลงานชิ้นนี้เปราะบางและแตกง่ายมากเกินกว่าที่จะเคลื่อนย้ายออกจากพิพิธภัณฑ์นี้หรือที่อื่น ๆ[29]
ภาพนี้แสดงความบิดเบือนของร่างกายรวมถึงใบหน้าของVelázquez ซึ่งเบคอนได้ถูกดำเนินการทางกฎหมายตั้งแต่ช่วงปี1950-ต้นปี1960 รูปนี้ได้ถูกบรรยายโดยGilles Deleuze ว่าเป็นตัวอย่างของการสร้างสรรค์การตีความใหม่ของรูปแบบเดิม ภาพสันตะปาปาVelázquez ในปี1650 ถึงแม้ว่าเบคอนจะหลีกเลี่ยงการมองแบบดั้งเดิม แต่มันก็เป็นการย้ำอิทธิพลของการวาดภาพของเขา และมันเป็นงานที่ดีที่สุดงานหนึ่งในช่วงปลายปี1940-ต้นปี1960
เมื่อถามว่าทำไมเขาถึงถูกบังคับให้กลับมาเยี่ยมบ่อยๆ เบคอนได้ตอบว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรหรือมีอะไร ไม่ได้เป็นศัตรูอะไรกับสันตะปาปา เขาแค่หาเหตุผลที่จะใช้สีเหล่านั้นก็เท่านั้น ในผลงานชิ้นเอกชิ้นนี้ของเบคอน พระสันตะปาปาแสดงถึงสีหน้าที่กำลังกรีดร้องแบบเงียบๆ ซึ่งถูกปิดประดับด้วยสีเข้ม พื้นหลังสีเข้มนี้นั้นทำให้มันดูพิสดารและดูเป็นฝันร้าย รอยจีบ รอยพับม่านที่อยู่ฉากหลังนั้นถูกทำให้โปร่งใสมองเห็นทะลุผ่าน และลายเส้นนี้ถูกวาดตวัดลงมาผ่านหน้าและตัวของพระสันตะปาปา[30]
ฟรานซิส เบคอนเป็นศิลปินที่เป็นรักร่วมเพศ ซึ่งบางครั้งก็วาดภาพออกมาแบบชายรักชายหรือมีความสัมพันธ์ทางเพศของชายกับชาย “การดำเนินงานที่สร้างสรรค์ คืออาหารเรียกน้ำย่อยของสัญชาตญาณ ทักษะ วัฒนธรรม สิ่งที่ตื่นเต้นเร้าใจสูงสุด มันไม่ใช่ยา แต่มันคือสถานภาพที่พิเศษเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การผสมผสานกันของความมีจิตสำนึกและไม่มีจิตสำนึก ความกลัว ความพอใจ มันคือสิ่งเล็กๆ ที่ถูกทำให้กลายเป็นความรัก เป็นความรักที่แสดงออกทางกาย” เป็นประโยคที่อ้างอิงจากฟรานซิส เบคอน[31]
เบคอนได้วาดภาพนี้โดยนำมาจากการวาดภาพบุคคลของวินเซน แวนโก๊ะ ซึ่งเขาเคยเห็นมาจากรูปภาพ เพราะวาดภาพจริงๆ ของแวนโก๊ะนั้นได้ถูกทำลายไปตอนช่วงที่มีสงคราม ซึ่งเงาดำๆ ของภาพนี้เป็นการสื่อถึงอารมณ์ความเศร้า แวนโก๊ะสรุปความคิดนี้จากการตีความผิดของศิลปินโดยแยกจากหลักทางสังคม
เบคอนอาจจะเคยถูกกระตุ้นจากภาพยนต์Lust for Life นำโดยKirk Douglas แทนแวนโก๊ะซึ่งถูกฉายในเวลาต่อมา ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเพิ่มความแข็งแรงของแนวคิดแวนโก๊ะที่เป็นอัจฉริยะโดดเดี่ยว[32]
|
|
|
|
เมนูนำทาง
ฟรานซิส เบคอน (ศิลปิน) ผลงานศิลปะใกล้เคียง
ฟรานซิส เบคอน (ศิลปิน) ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ฟรานซิส ไลต์ ฟรานซิส คริก ฟรานซิส รอว์ดอน-เฮสติงส์ ลอร์ด เฮสติงส์ ฟรานซิส เบคอน ฟรานซิส เจฟเฟอส์ ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ ฟรานซิส เดรก ฟรานซิส ฟริธแหล่งที่มา
WikiPedia: ฟรานซิส เบคอน (ศิลปิน) http://www.biography.com/people/francis-bacon-2141... http://www.francis-bacon.com http://www.francis-bacon.com/biography/?c=1909-26 http://www.jameshymangallery.com/artists/79/biogra... http://www.artquotes.net/masters/bacon/paint_2figu... http://www.theartstory.org/artist-bacon-francis.ht... http://en.wikipedia.org/wiki/Painting_(1946) http://en.wikipedia.org/wiki/Study_after_Vel%C3%A1... http://en.wikipedia.org/wiki/Three_Studies_for_Fig... http://www.tate.org.uk/art/artworks/bacon-study-fo...